หน้าแรก    • ธนาคารกลาง  • ห้องแช็ท  • วิทยุออนไลน์  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 2 บุรุษผู้ถูกไล่ตาม (ตอนต้น)  (อ่าน 4433 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ว่างเปล่า...

ทร่ามกลางหมู่ดาวมากมาย มีเพียงดาวดวงเดียวที่ส่องสว่าง นั้นก็คือ...เธอ

ฉันอยากไปยังที่แห่งหนึ่ง

หญิง Thailand
 184
 101
 100



Windows XP MS Internet Explorer 8.0
« เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2553, 09:58:39 AM »

ตอนที่ 2 บุรุษผู้ถูกไล่ตาม (ตอนต้น)


          ท้องฟ้าสีคราม บัดนี้หวนคืนสู่ราตรีอีกครั้ง เฉกเช่นวันวานที่ผกผัน ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า มันเปล่งแสงสุดท้ายก่อนลาลับไป
และแล้วดวงจันทร์ก็เผยโฉมด้วยสีเหลืองนวล ก่อนที่เมฆจะค่อยๆ บดบัง นกฮูก นกเค้าแมว ค้างคาว และสัตว์ที่ออกล่าเหยื่อยาม
รัตติกาล ต่างเริ่มออกหากิน การล่าเหยื่อจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อ เหยื่อได้ถูกปลิดวิญญาณไปพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้าย

          แฮ่ก...แฮ่ก "...อึก..." บุรุษผู้หนึ่งกำลังวิ่ง และจู่ๆ ก็หยุดชะงัก เหงื่อไหลจากหน้าผากไปยังปลายคางของเขา ท่าทางนั้น
บ่งบอกว่า เขากำลังหลบหนีบางอย่าง และการหลบหลีกนั้น ไม่อาจหลุดพ้น เพราะผู้ที่เขาหลบหลีกนั้น ได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ทั้งสองยังคงหยุดนิ่ง ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกัน

          ฝ่ายบุรุษผู้หลบหลีกนั้นอยู่ในชุดของจอมเวทย์ เป็นชุดคลุมยาวสีน้ำตาลอ่อน มีผ้าคลุมอีกชั้นสีขาวขอบสีทอง ทอยาวเป็น
ผืนเดียว มีช่องสำหรับไว้สวมทางศีรษะ ผ้านี้จะคลุมเฉพาะส่วนหน้า และหลัง ของลำตัวทั้งหมด ด้านข้างเปิดโล่งให้แขนยื่นออกมาได้
อย่างอิสระ

          ส่วนอีกฝ่ายเป็นบุรุษ หรือสตรีนั้นมิอาจทราบได้ เนื่องด้วยอยู่ในชุดคลุมสีดำตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ไม่อาจมองเห็นใบหน้า
และด้วยความมืดที่ปกคลุม ซ้ำพระจันทร์ยังถูกเมฆบดบัง มีเพียงสายลมที่พัดบางขณะ ทำให้ใบไม้บนต้นไม้พริ้วไหวลู่ตามลม
รวมไปถึงชุดของทั้งสองฝ่าย ที่กำลังยืนโดยมิขยับอยู่ ณ ที่นั้น

          "ฟู่...แย่จริงนะที่ถูกตามตื้อขนาดนี้ ถ้าเป็นสาวๆ สวยๆ อะบึ๋มๆ มันก็น่าดีใจอยู่หรอก แต่...ถ้าเป็นสาวๆ ที่มีจิตสังหารขนาดนี้เนี่ย
ก็คงต้องขอบายดีกว่า" ฝ่ายหลบหนีพูดเปรยเป็นการหยั่งเชิงฝ่ายตรงข้าม

          "มาตามตื้อกันแบบนี้ ต้องการอะไรมิทราบ บอกจุดประสงค์มา" ฝ่ายหลบหนียังคงพูดต่อหวังจะได้คำตอบจากผู้ที่ไล่ตามตนมา

          "หึหึ ผู้ล่าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามกับเหยื่อของตน" ฝ่ายไล่ตามเริ่มปริปากโต้ตอบกลับ แต่มิยอมบอกเหตุผลใดๆ

          "เช่นนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องหลบหลีกอีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนจากการหลบหลีกมาเป็นเค้นเอาความจริง ดูสิว่าใคร
จะเป็นผู้ล่า และใครจะเป็นผู้ถูกล่ากันแน่ มา!!....." บัดนี้ผู้ที่เคยถูกไล่ตามเปลี่ยนสถานะของตนจากการหลบหลีก มาเป็นการค้นหาความ
จริงจากผู้ที่ไล่ตาม เรียกได้ว่ามันเป็นการท้าทายอีกฝ่าย ว่าใครจะแน่กว่ากัน

          "หึหึ ดูเหมือนว่า จะมั่นใจในฝีมือของตนเองมากเลยสินะ ก็ดี....การล่าเหยื่อ โดยที่เหยื่อไม่ขัดขืน หรือคิดสู้ มันเป็นอะไรที่ข้า
ไม่ค่อยชอบอยู่แล้ว แบบนี้สิมันถึงจะเรียกว่า การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะตายของเหยื่อ" คำพูดของผู้ที่เคยเป็นผู้ไล่ตาม แสดงออก
ถึงการยอมรับคำท้านั้น และที่สำคัญ ไม่คิดด้วยว่าตนเองจะแพ้ให้แก่อีกฝ่ายแม้แต่น้อย

          "แหม แหม ไอ้คำพูดหลังๆ เนี่ย มันจะไม่เป็นการดูหมิ่นกันไปหน่อยเหรอ ฟังแล้วมันขัดหูชอบกลน้า ข้าจะทำให้เจ้าเห็นเอง
ว่าเจ้าหนะคิดผิดที่มาขายถั่วแถวนี้ (หมายถึง บังอาจ) ดูถูกจอมเวทย์อย่างข้าแล้วเจ้าจะต้องเสียใจ"

          เมื่อฝ่ายถูกไล่ตามพูดจบ ก็ยื่นมือข้างขวา ออกมาข้างหน้า แล้วหงายมือขึ้น....ฟึบ!

          "จงขานรับข้า ผู้อยู่เหนือเจ้า พยัคฆ์เหมันต์คำราม" ในขณะที่ร่ายเวทย์นั้นมือที่กำลังหงายอยู่ ได้บังเกิดแสงสีฟ้าหมุนเป็น
วงกลมอยู่กลางฝ่ามือ แสงนั้นค่อยๆ ยืดออกตามแนวราบ และค่อยๆ ปรากฎเค้าโครงวัตถุบางอย่าง วิ้ง....แว๊บ แสงนั้นเจิดจ้าในพริบตา
กระจายออกเป็นวงกว้าง พร้อมกับสร้างคลื่นลมไปทั่ว จนกระทั่งแสง และลมจางหายไป ชุดคลุมของทั้งคู่สบัดพริ้วไหว ดัง พรึบ...พรึบ
ก่อนจะหยุดนิ่ง และอาวุธก็ได้เผยโฉมหน้าของมันบนฝ่ามือจอมเวทย์ มันคือ.....ไม้เท้า....หือ!! ไม้เท้าสีขาวหัวพยัคฆ์ที่ดูเหมือน
ไม้เท้าธรรมด๊า ธรรมดา ดูยังไงก็เหมือนไม้เท้าของคนแก่ ที่ใช้สำหรับค้ำยัน หรือพยุงเวลาเดินเหินไปไหน

          "หึหึ....ฮะ ฮะ ฮะ นั่นเหรออาวุธของเจ้า นั้นน่ะเหรอที่เจ้าเรียกว่า พยัคฆ์เหมันต์คำราม ช่างน่าขันนัก จงเก็บมันไว้ใช้ค้ำ
ร่างของเจ้า ที่เต็มไปด้วยเลือดเถิด ไม่...ไม่สิ จงเก็บมันไว้ ใช้ในโลกหน้าดีกว่า เพราะข้าจะสังหารเจ้าด้วยสิ่งนี้...."

          ฟึบ!! มือสองข้างของผู้ไล่ตาม หยิบเอาอาวุธที่มีรูปร่างครึ่งวงกลม ปลายของมันมีหนามแหลมใหญ่ คล้ายปลายหอก
เรียงอยู่รายล้อม มันเป็นอาวุธสีดำสนิท แต่ช่างดูเงาวาววับ ยามที่มันต้องแสงจันทร์

          เมื่อขณะที่ดวงจันทร์เผยโฉมออกจากหมู่เมฆที่บดบัง แสงสะท้อนของมันส่องไปกระทบผู้ที่ถือมัน เผยให้เห็นหน้ากาก
ภายใต้ชุดคลุมสีดำนั้น ก่อนแสงนั้นจะหายไป เมื่อเมฆบดบังดวงจันทร์อีกคราหนึ่ง

          ตึง!! เสียงกระแทกไม้เท้าลงที่พื้น แสดงออกถึงความไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ของจอมเวทย์

          "เห้อ...ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ยามเมื่อข้าอันเชิญอาวุธ มันก็มักจะมีไอ้เจ้าพวกโง่เง่าเต่าตุ่น แสดงอากับกิริยาวาจาหยาบคาย
ให้ได้เห็น ช่างขัดลูกตาเสียจริงๆ.....ลองไอซ์ไฟเยอร์!!...."

          ปลายไม้เท้าที่สัมผัสกับพื้นเปล่งแสงสีขาวสว่าง ก่อนจะมีสายน้ำแข็งพุ่งออกมาจากปลายไม้เท้าอย่างรวดเร็ว มุ่งสู่จุดที่อีกฝ่าย
กำลังยืนอย่างชะล่าใจ เป็นเหตุให้โดนเข้าอย่างจัง

          ฉึก ฉึก เปรี๊ยะ "อ่อก!!...หึ้ย!!..." แม้ว่าจะโดนจู่โจมจนบาดเจ็บ แต่กระนั้นก็ยังมิวายเหวี่ยงอาวุธของตนที่เต็มไปด้วยหนาม
คล้ายปลายหอกนั้นตอบโต้กลับในทันที หวังจะเอาเลือดมาสังเวยคืนที่ทำให้ตนต้องบาดเจ็บ ทั้งๆที่ขาซ้ายอีกข้างโดนน้ำแข็งเกาะ
อย่างแน่นหนา

          เฟี้ยว......ฟุบ แต่มันไม่อาจเรียกเลือดของฝ่ายจอมเวทย์ได้ เนื่องด้วยจอมเวทย์นั้นสามารถหลบมันได้ทันท่วงที และตามด้วย
การกล่าวคำเยาะเย้ยถากถาง

          "เป็นเช่นไรเล่า ความรู้สึกที่โดนไม้เท้าของคนแก่จู่โจม จะบอกจุดประสงค์ที่เจ้าไล่ตามข้ามาได้หรือยัง ข้ากำลังรอฟังอยู่นะ
และข้าขอบอกไว้ก่อน น้ำแข็งที่เกาะแน่นอยู่ที่ขาของเจ้า มันจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น มันจะค่อยๆ เกาะตามขาเจ้าไปเรื่อยๆ จากขาซ้าย
ไปขาขวา จากลำตัวท่อนล่างไปยังลำตัวท่อนบน จากแขนซ้ายไปแขนขวา โดยไม่เว้นแม้แต่ศีรษะของเจ้า ดังนั้น จงบอกจุดประสงค์
ที่แท้จริงของเจ้ามา รวมถึงผู้บงการที่ส่งเจ้ามา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า"

          ความเงียบงันยังคงปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณนั้น ไม่มีเสียงตอบกลับจากผู้ที่อยู่ในชุดคลุมดำ นอกจากความนิ่งสงบ น้ำแข็ง
ที่เกาะที่ขาซ้ายบัดนี้ ได้ลามมาจนถึงแขนซ้ายของผู้ที่อยู่ในชุดคลุมดำ ฝ่ายจอมเวทย์ที่ดูจะอยู่ในช่วงได้เปรียบกว่า ยังคงยืนมองผู้ที่
ตนแช่แข็งอย่างต้องการคำตอบของการไล่ตาม

          ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจที่จะพูดอีกครั้ง "ว่าอย่างไร เจ้าคิดที่จะปิดปากเงียบ โดยที่ไม่บอกจุดประสงค์ และคนบงการ เจ้าคิดจะ
ยอมตายไปพร้อมกับมันอย่างงั้นหรือ"

          จอมเวทย์เอ่ยถามอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบจากคนชุดคลุมดำว่า

          "หึหึหึ...หึหึหึ...ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ"

          มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่สมควรจะเป็นเสียงของผู้ที่คิดว่าตนพ่ายแพ้ และกำลังจะต้องตาย

          "นี่ล่ะน้า...เสียงหัวเราะเป็นครั้งสุดท้ายของผู้ไล่ล่าที่ต้องกลับกลายมาเป็นเหยื่อเสียเอง"

          สวบ!!

          "อัก!!.....อะ...ไร...กัน"

          ความเจ็บปวดจากที่แผ่นหลังนี้ เป็นการถูกโจมตีจากอะไรบางอย่าง โดยที่จอมเวทย์ไม่รู้ตัวเลยสักนิด จนกระทั่งมันมา
ปักอยู่ที่กลางหลัง

          "หะ...นี่..มัน เป็นไปไม่ได้...ข้าหลบมันได้ แล้วอาวุธของเจ้าก็....ทะ...ทำไม" ผู้เป็นจอมเวทย์หันมามองคนในชุดคลุมดำ
ที่ถูกแช่แข็งอยู่ มือซ้ายของเขายังคงกำอาวุธอีกอันที่ยังไม่ทันได้ใช้ ซึ่งมันก็ถูกแช่แข็งไปด้วยเช่นกัน

          แต่เหตุใดเล่า เพราะเหตุใดถึงได้โดนโจมตีด้วยอาวุธนั้น มันไม่น่าจะเป็นไปได้

          "หึหึหึ...ฮะฮะฮะ...อาวุธของข้า เมื่อเหวี่ยงมันไปแล้ว มันจะกลับมาหานายของมัน ตามที่นายของมันสั่ง หึหึหึ....ชาไหมหละ
.....หึหึหึ....เจ็บปวดไหมหละ เมื่อขมเขี้ยวของมันฝังลงไปในเนื้อของเจ้า แต่มันยังไม่พอ ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บปวดแสนสาหัส เป็นการ
ตอบแทนที่เจ้า บังอาจทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ หากข้าต้องตาย ข้าจะลากเจ้าลงนรกไปด้วย....จงสถิต ณ ศาสตราวุธแห่งข้า เทพแห่ง
รัตติกาล ข้าขออาจเอื้อมท่าน จงกลืนกินคนผู้นี้ให้สูญสิ้น"

          ทันใดนั้นเอง อาวุธของคนชุดคลุมดำที่ปักอยู่กลางหลังของจอมเวทย์ พลันขานรับคำผู้เป็นนาย มันฉายแสงสีดำทมิฬ
และค่อยๆ เคลื่อนตัวฝังลึกลงไปในเนื้อของจอมเวทย์ ลึกเข้าไปอีก

          "อะ....อ๊าก....."

          เลือดจอมเวทย์พุ่งออกมาทานด้านหลัง ตามความลึกของอาวุธที่เหมือนจะแหวกเนื้อของจอมเวทย์ทีละน้อย ทีละน้อย
นั่นหละที่ทำให้มันทรมานยิ่งกว่าเป็นไหนๆ

          "ฮะ ฮะ ฮะ ร้องสิ ร้องอีก ร้องให้ดังๆ ฮะ ฮะ ฮะ"

          เสียงหัวเราะของคนชุดคลุมดำ ผสานกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของจอมเวทย์

          จอมเวทย์เจ็บปวดเหลือประมาณ แต่เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

          "ไม่ได้...เราจะมาตายทั้งๆ อย่างนี้ไม่ได้ ท่านผู้นั้นกำลังรอเราอยู่ เราจะมาตายตอนนี้ไม่ได้ อย่างน้อย อย่างน้อยต้องเข้า
เฝ้าท่านผู้นั้นให้จงได้ ข้าจะต้องทำตามหน้าที่ของข้า หน้าที่ๆ ได้รับมอบหมาย หน้าที่อันสำคัญยิ่ง แม้ว่าดูท่าแล้วข้าอาจจะไม่บรรลุ
ตามเป้าหมาย แต่ข้าต้องไปพบท่านผู้นั้น และต้องรีบพาไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด พวกมันมากันแล้ว คนชุดคลุมดำคนนี้ เป็นตัวบ่งบอก
ได้ว่า พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว...อัก!!..."

          จอมเวทย์กระอักเลือดออกมา แต่เค้าก็ยังเผยยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะพูดว่า

          "ขอบใจ ขอบใจสำหรับคำตอบ ข้ารู้แล้วว่าจุดประสงค์ของเจ้า และผู้ที่บงการเจ้านั้นคือใคร ด้วยเวทย์สถิตที่เจ้าใช้ มันทำให้
ข้ารู้ทั้งหมด เสียใจด้วยนะ ที่ข้าจะต้องขอพูดตรงๆ ว่า หมดหน้าที่ของเจ้าที่จะหายใจอยู่บนโลกใบนี้แล้ว"

          สิ้นเสียงจอมเวทย์ น้ำแข็งที่ตอนแรกค่อยๆ เกาะกุมคนชุดคลุมดำ กลับเกาะกุมอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเหลือแต่ศีรษะ และมัน
กำลังจะเกาะกุมไปยังใบหน้าของเขา

          "อัก!!....แม้ว่าข้าจะตาย แต่เจ้าก็ต้องตายด้วยเช่นกัน เจ้าไม่มีวันรอดไปได้ เพราะความมืดจะกัดกินเจ้า แม้พลังของข้าจะไม่
สูงส่งเท่าผู้เป็นจอมเวทย์ แต่ถ้าเจ้าไม่ได้รับการรักษาจากผู้เป็นจอมเวทย์แห่งน้ำ หรือจอมเวทย์แห่งแสง ยิ่งจอมเวทย์แห่งแสงไม่ต้อง
พูดถึง เพราะไม่มีผู้ใดในมหานครเฟียราเพลล่าแห่งนี้ ที่เป็นจอมเวทย์แห่งแสงที่น่าเกรงขามอีกแล้ว ไม่สิ ยังมีอยู่อีกคนหนึ่ง แต่เจ้าคง
ไปหาคนผู้นั้นไม่ทัน ยังไงเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ"

          คนชุดคลุมดำรู้สึกสะใจ ที่สามารถทำให้อีกฝ่ายได้รับความพ่ายแพ้ และในที่สุดก็จะได้รับความตาย เฉกเช่นตน แต่ทว่า...

          การต่อสู้จะลงเอยเบบไหน...ใครจะอยู่ ใครจะไป โปรดติดตามต่อได้ใน ตอนที่ 2 (ตอนกลาง) ค่ะ


-------จบตอนที่ 2 (ตอนต้น)-------

ติ ชม ได้นะคะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ

-------จากใจ ผู้เขียน-------

                      







บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.13 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!


Google visited last this page สิงหาคม 06, 2566, 08:26:38 PM