หน้าแรก    • ธนาคารกลาง  • ห้องแช็ท  • วิทยุออนไลน์  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 8 ช่วงลองของ [ใหม่] (ตอนกลาง)  (อ่าน 78520 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ว่างเปล่า...

ทร่ามกลางหมู่ดาวมากมาย มีเพียงดาวดวงเดียวที่ส่องสว่าง นั้นก็คือ...เธอ

ฉันอยากไปยังที่แห่งหนึ่ง

หญิง Thailand
 184
 101
 100



Windows 7/Server 2008 R2 Firefox 3.6.3
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2554, 03:48:22 PM »

ตอนที่ 8 ช่วงลองของ [ใหม่] (ตอนกลาง)


          “ให้เกียรติผู้ได้รับตำแหน่ง King ก่อนแล้วกัน.....คอร์วีแด มิราจ์ช...เจ้าสินะ”   มหาเวทย์มองไปที่เจ้าตัว

          คอร์วีแดก้าวออกไป หยุดยืนอยู่กลางห้องอันกว้างใหญ่นี้  ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง หลังจากที่ท่านมหาเวทย์พยักหน้าเพื่อให้เริ่มได้

          เพียงไม่นานนัก ก็มีบางอย่างค่อยๆ ปรากฎอยู่เบื้องหน้าคอร์วีแด มันค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นได้ถนัดตาว่ามันเป็น.....ไม้เท้า
ไม้เท้าที่มีด้ามจับสีนิลแวววับ ที่หัวไม้เท้ามีลูกแก้วสีใสขนาดเท่าหนึ่งกำมือ ประดับอยู่

          แต่เมื่อคอร์วีแดลืมตาขึ้น เขาก็เอื้อมมือเพื่อที่จะไปสัมผัสไม้เท้าด้ามนั้น เมื่อไม้เท้าได้มาอยู่ในมือของคอร์วีแดก็มีลำแสงสีดำ
เปล่งออกมา ก่อนที่ลูกแก้วสีใสนั้นจะกลับกลายเป็นลูกแก้วสีดำดั่งอัญมณีสีนิล

          “คงได้ทำความรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้วสินะ...”   มหาเวทย์กล่าว เมื่อเห็นทุกอย่างดูจะเรียบร้อยดีแล้ว

          “ครับ...แอศส์โกริ เป็นอาวุธที่ทรงพลังมากจริงๆ ข้ารู้สึกได้เช่นนั้น”   คอร์วีแดกล่าวตอบ

          “อืม...แน่นอน เพราะแอศส์โกริเป็นหนึ่งในอาวุธที่มีพลังอำนาจมหาศาล ผู้ที่ใช้มันได้จำต้องมีพลังเวทย์สูงมากพอสมควร และที่สำคัญที่สุด
คือ คนผู้นั้นจะต้องมีรากฐานเวทย์ธาตุมืดเท่านั้น และบัดนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว...คอร์วี่”   มหาเวทย์เซอุสกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะพูดต่อ

          “King ได้รับมอบไปหนึ่งคนแล้ว ถ้าเช่นนั้น คนต่อไป เฮริออส เลียนเน ชามส์วัน เชิญกลางห้องเลยองค์ชาย”  

          มหาเวทย์เซอุสขานเรียกเฮเรียส

          “อย่ากระนั้นเลยครับ ท่านมหาเวทย์ เรียกนามข้าอย่างศิษย์คนหนึ่งเถิด”  

          เฮเรียสแย้งตรงที่เรียกเขาว่าองค์ชาย ขณะที่เดินไปหยุดอยู่ตรงกลางห้อง ในจุดๆ เดียวกับที่คอร์วีแดยืนเมื่อครู่

          “ดี....ไม่ถือตัวดีมาก เฉกเช่นเดียวกับพ่อของเจ้า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเสียจริง เจ้ามีส่วนที่คล้ายพ่อเจ้ามาก...เฮเรียส”  

          อ้อ คนที่ 3 ที่มหาเวทย์พูดถึงนี่ คงจะหมายถึงพ่อของเฮเรียสนี่เอง

          “พ่อของเจ้าเป็นหนึ่งในรุ่นน้องที่ข้าเชื่อมั่นว่า เขาจะยิ่งใหญ่เกรียงไกร ด้วยว่าเขามีดวงตาที่ซื่อสัตย์ และรู้จักคำว่าถ่อมตน ไม่เย้อหยิ่งยโส
ไม่อวดดี ปฏิบัติกับคนรอบตัวอย่างเท่าเทียม แม้ว่าตนเองจะเป็นถึง 1 ในรัชทายาทว่าที่องค์กษัตริย์แห่งมหานครเฮริโอโปรัส”

          อ้าวเป็นรุ่นน้องนี่หว่า แสดงว่าไม่ใช่รุ่นเดียวกัน งั้นไอ้คนที่ 3 เนี่ยมันใครกันแน่

          “จงเรียกอาวุธของเจ้าสิ...เฮเรียส”   มหาเวทย์กล่าวแก่เฮเรียส

          เฮเรียสจึงเริ่มหลับตาลง เพื่อใช้จิตของตนสัมผัสจิตของอาวุธ  และแล้วเหตุการณ์ก็คล้ายกับของคอร์วีแด บางสิ่งบางอย่างกำลังจะปรากฎ
ตรงหน้าของเฮเรียส น่าแปลกที่ประตูห้องก็ปิด หน้าต่างสักบานก็หามีไม่ แต่กลับมีสายลมพัดโบก และดูเหมือนว่ามันจะค่อยๆ แรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
จนกลายเป็นลมกรรโชก
 
          แต่ที่แปลกยิ่งกว่าลมนั่นมิได้ทำให้อาวุธในห้องปลิว หรือขยับเขยื่อนเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเสื้อผ้า และผมของเฮเรียสเท่านั้นที่พริ้วสะบัด
เหมือนกับไปยืนอยู่บนยอดเขาสูง
 
          ในที่สุดมันก็ปรากฎตัว เมื่อสายลมมาพันเกี่ยวอยู่ที่มือของเฮเรียส อาวุธของเฮเรียสเป็นอาวุธที่คล้ายกับถุงมือ แต่ดูจะออกไปทางค่อนข้าง
เหมือนเครื่องประดับมากกว่า

          อาวุธดังกล่าว มันห่อหุ้มส่วนหลังมือทั้ง 2 ข้างของเฮเรียสไว้ด้วยแร่เงิน ที่ถูกตีขึ้นมาให้คล้ายกับสนับมือ แกะสลักด้วยลวดลายวิจิตรงดงาม
ตรงกลางมีหินสีขาวขุ่น อย่างหยกหิมะประดับอยู่ บัดนี้สายลมได้จางหาย ทุกๆ อย่างดูกลายเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ไม่ใช่สำหรับเฮเรียส เพราะเขา
สัมผัสมันได้จริงๆ ทุกๆ อณู

          “หืม.....เล่นเรียกของแรงเชียว สมแล้วที่เป็นบุตรของ เฮเรออน พ่อของเจ้าก็ทำให้ข้าทึ้งอยู่ไม่น้อยทีเดียว ถ้าข้าให้พ่อเจ้าเข้ามา ณ ห้องนี้
มันก็น่าลุ้นอยู่ว่าพ่อเจ้าก็เป็นผู้มีสิทธิ์ได้สิ่งนี้เช่นกัน”

          ผู้เป็นมหาเวทย์กล่าวอย่างชื่นชมยิ่งกับการเรียกอาวุธของเฮเรียส และพาดพิงไปถึงผู้เป็นบิดาด้วย

          “ถือเป็นโชคดีของข้าสินะ ที่ได้เจ้ามาอยู่ในครอบครอง...” เฮเรียสกล่าวออกมา

          แต่ผู้เป็นมหาเวทย์แย้งคำพูดดังกล่าว
    
          "เฮเรียสเอ๋ย...เจ้าพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก บนโลกใบนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ....มีแต่คำว่าโชคชะตา เหตุว่า...เอโอลัส...ราชาแห่งวายุได้ถูกกำหนด
ให้เป็นของเจ้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว ของที่ควรจะเป็นของเจ้า ต่อให้อยู่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวแค่ไหน มันก็เป็นของเจ้า"

          เมื่อเฮเรียสได้รับเอโอลัสไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาของ Prince บ้างแล้ว

          "ต่อไปถึงตา Prince แล้ว เจ้าใช่ไหม เซอเพน เอสเธอร์" มหาเวทย์กล่าว

          "คร๊าบ...." ดวงตาของเซอเพน เปล่งรัศมีความตื่นเต้น ดีอกดีใจสุดๆ จะได้อาวุธแล้ว....วู้ว....

          "เมื่อเจ้าพร้อมก็เริ่มได้เลย" มหาเวทย์ให้สัญญาณไฟเขียวเต็มที่

          "พร้อมมานานแล้วครับ ท่านมหาเวทย์" เซอเพนกล่าวพร้อมๆ กับเริ่มหลับตาลง

          ติ๋ง ติ๋ง...เซอเพนได้ยินเสียงของหยดน้ำดังแผ่วๆ จากที่ไกลแสนไกล...มันดังมาจากไหนกันนะ แต่ทันใดนั้นก็กลับได้ยินเสียงคลื่นจากท้อง
ทะเล หรือมหาสมุทร ซัดสาดเข้าหาฝั่ง พาให้เคลิบเคลิ้มไปจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

          แต่เมื่อเซอเพนรู้สึกตัวอีกที่ ก็ดูเหมือนตัวเองกำลังดำดิ่งลงสู่ห้วงลึกแห่งมหาสมุทร รู้สึกเหมือนจริงทุกอย่าง เหมือนผิวกายแวกม่านน้ำ
ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน และจะต้องลงไปลึกอีกเท่าไหร่ และจะต้องพบเจอกับอะไร แต่จิตใจของเขาดูจะนิ่งสงบดุจผิวน้ำที่มิมีสิ่งใดมากระทบ

          ในขณะที่เซอเพนดำดิ่งอยู่นั้น ผู้รอดูอยู่ต่างก็ยืนกันเงียบกริบ เฝ้ารอคอยว่าเซอเพนจะได้รับอาวุธอะไร เพียงไม่นานพื้นที่ผู้ที่อยู่
กลางห้องยืนอยู่นั้น กลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นผิวน้ำ ตอนนี้เซอเพนกลายเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนผิวน้ำไปเสียแล้ว

          แต่แล้วก็มีสายน้ำพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำ มันหมุนวนพันรอบตัวเซอเพนไว้ ตั้งแต่เท้าไปจนถึงลำตัวท่อนบน แล้วก็วนอยู่แค่นั้น

          จู่ๆ สายน้ำที่วนอยู่ก็แตกกระจายออก พร้อมกับมีสายน้ำพุ่งขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งสาย แต่สายนี้มิได้เข้าพันเกี่ยวตัวเซอเพน มันพุ่งขึ้นมา
เหมือนน้ำพุหย่อมๆ สูงประมาณเอวของเซอเพน ตรงกลางน้ำพุนั่นมีบางอย่างค่อยๆ โผล่ขึ้นจากกลางน้ำพุ

          เมื่อดูดีๆ ก็จะเห็นว่ามันคือ ด้ามของดาบ ด้ามที่มีสีฟ้าใส เซอเพนคว้าจับที่ด้ามดาบนั่น เหมือนจะชักมันออกมา แต่เมื่อชักจนน่าจะเห็น
ตัวดาบแล้ว กลับไม่เห็นอะไรเลย....ไม่มีตัวดาบ อะไรกันนี่....

          เซอเพนดูเหมือนจะดึงดาบออกมาจนสุดดาบแล้ว เขากำลังจะเปลี่ยนไปเป็นถือตั้งขึ้น ทันใดนั้นเองหยดน้ำมากมายจากผิวน้ำค่อยๆ
ลอยขึ้นมา เหมือนจะถูกดาบนั้นดูดมันให้มารวมกันอยู่ที่ดาบเล่มนั้น แต่ก็ยังไม่เป็นรูปร่างให้เห็น เห็นแค่เพียงน้ำที่รวมกันเป็นด้ามดาบ
ที่ดูรูปลักษณ์ไม่จีรัง

          แต่เมื่อเซอเพนสะบัดดาบไปอยู่ข้าง ในระดับเดียวกับไหล่ของเขา ตัวดาบพลันค่อยๆ ปรากฎให้ทุกผู้ได้ยลโฉม

          บอกได้คำเดียวว่า งาม.... งามมาก ตัวดาบเป็นเหมือนคริสตัลใสแจ๋ว แวววับจับตา

          บัดนี้เซอเพนได้ลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้ว ตวัดดาบมาไว้ข้างหน้าตนอีกครั้ง เพื่อดูอาวุธที่ตนเรียกมาให้ชัดแจ้ง

          "เจ้าหนะเหรอ...โซเบค...ดูดีไม่หยอกเลยนี่ ฮ่ะ ฮ่ะ" เซอเพนมองดูด้วยความตื่นเต้น ระคนกับความสนใจในอาวุธที่ตนได้มา

          "ไม่นึกว่าจะได้เห็นภาพดีๆ แบบนี้ นานแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นมัน แต่สมแล้วที่โซเบคเลือกเจ้า และข้าก็หวังว่าเจ้าจะชอบมันด้วยเช่นกัน"

          ท่านมหาเวทย์เอ่ย

          "แน่นอน ท่านมหาเวทย์ ข้าชอบมัน ไม่ได้ชอบธรรมดา แต่กล่าวได้เลยว่าข้าชอบมันมาก โซเบคจะเป็นเพื่อนที่ดีอีกคนหนึ่งของข้า
แต่ตอนนี้น่าจะถึงตาเพื่อนตัวดีของข้าอีกคนแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ อาร์ดีส! มาให้ไวเลย ข้าอยากเห็นอาวุธของเจ้าใจจะขาดแล้ว"

          เซอเพนเนี่ยเห็นอะไรน่าสนุกนี่ แทบจะรอคอยสักวินาทีไม่ได้เล้ย....

          "....อย่าว่าแต่เจ้าเลย เซอเพน ข้าเองก็ใคร่รู้เช่นกัน" อาร์ดิสที่ยืนกอดอกอยู่ ยิ้มและกล่าวออกมาก่อนที่จะเดินเข้ามายืนแทนที่เซอเพน

          "อาวุธของเจ้าทรงพลังไม่ต่างไปจากของคอร์วีแด และเฮเรียสเลย....ข้าพูดถูกไหมครับ ท่านมหาเวทย์เซอุส"

          อาร์ดิสกล่าวถามทิ้งท้าย ขณะเข้าใกล้เซอเพนจนเห็นดาบโซเบคที่อยู่ในมืออย่างใกล้ชิด

          "ถูกต้องแล้ว...โซเบค เป็นหนึ่งในเจ็ดศาสตราเวทย์ที่เลื่องชื่อ ถูกขนานนามกันในหมู่จอมเวทย์ทั้งมวลว่ามันคือ Seven Lord Of
The Element หรือ เทพแห่งธาตุทั้งเจ็ด" มหาเวทย์กล่าวตอบ และกล่าวต่อไปอีก

          "แอศส์โกริ และเอโอลัส ก็อยู่ใน เซเว่นลอร์ดด้วย" (ไม่ใช่หลอดดูดน้ำของ 7-11 นะ เหอๆ)

          "กดดันจริงนะ..." อาร์ดิสกล่าวสั้นๆ

          แน่หละ ในเมื่อทั้ง 3 คนที่มาด้วยกันต่างพากันได้อาวุธในตำนานทั้งนั้น แล้วเขาหละจะได้ด้วยหรือเปล่า

          อาร์ดิสต้องใช้เวลาในการข่มจิตใจที่หวั่นไหว ให้กลับมาสงบนิ่ง เพื่อที่จะเรียกอาวุธ เขาค่อยๆ ทำใจให้สงบ และหลับตาลงอย่างช้าๆ

          'เห็นทีว่าข้าคงจะต้องกล่าวได้เพียงว่า....ขออภัยอย่างยิ่ง องค์หญิง ข้าต้องกล่าวเช่นนั้นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เหตุเพราะว่า
เทพแห่งแสงหนึ่งในเจ็ดของเซเว่นลอร์ดนั้น มิได้สถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้มาช้านานแล้ว ตั้งแต่มันได้เลือกผู้ครอบครองเมื่อหลายปีก่อน
มันก็เป็นของคนผู้นั้นมาโดยตลอด จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น....ผู้ครอบครองได้หายสาปสูญไป พร้อมๆ กับเทพแห่งแสงด้วย'

          ท่านมหาเวทย์รู้สึกทุกข์อยู่ในใจมิใช่น้อย ดูเหมือนว่าผู้ที่ครอบครองเทพแห่งแสง ที่เป็นหนึ่งในเจ็ดเซเว่นลอร์ดนั้น เป็นบุคคลที่มี
ความพันผูกกับเขาอย่างมากทีเดียว ในดวงตาของมหาเวทย์ฉายแววเศร้าเล็กน้อย แต่ก็พอจะทำให้เฮเรียส และคอร์วีแดเห็นมัน แต่ทั้งสอง
ก็ได้แต่สงสัย และเก็บอยู่ภายในใจเท่านั้น

          ขณะที่ 1 คนกำลังนึกถึงอดีตแสนเศร้า 2 คนกำลังสงสัย และคนสุดท้ายที่กำลังจดๆ จ้องๆ คนทั้ง 3 อย่างงงๆ

          ' เป็นอะไรกันแวะ...อาร์ดิสเรียกอาวุธทั้งทีทำไม คนหนึ่งทำหน้าอย่างกับพวกอมทุกข์ อีกสองก็ทำหน้าอย่างกับคิดคำตอบคณิต 1+1=0
มันมาได้ยังไงงั้นแหละ มาคิดอะไรกันตอนนี้เนี่ยปาดโธ่เอ้ย...'

          เซอเพนเห็นแล้วให้หงุดหงิด ในเมื่อมันน่าจะเป็นเวลาที่น่ายินดี ไม่ใช่ฉากที่จะมาเศร้า หรือทำเก๊กเท่แข่งกัน

          แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างจ้าไปทั่วทั้งห้อง ทำให้คนทั้ง 3 มองอะไรไม่เห็น ได้แต่เอามือป้องตา

          "น่า....ลูน่า" เสียงแผ่วเบาร้องเรียกลูน่า ที่ตอนนี้ปลอมเป็นหนุ่มชื่ออาร์เทมิส

          มันเป็นเสียงของผู้หญิง ที่ฟังดูไม่คุ้นเคย แต่เป็นเสียงที่ไพเราะมาก เจ้าของเสียงต้องสวยมากแน่ๆ

          "ลูน่า..." เสียงที่ตอนแรกดูเหมือนเรียกจากที่ไกลๆ บัดนี้มันเหมือนคนเรียกมาพูดอยู่ตรงหน้า

          อาร์ดิสตัดสินใจลืมตาขึ้น แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ท่าทางอายุมากกว่าเขา ยืนอยู่ไม่ห่างนัก แค่เอื้อมมือก็ถึงตัว
อีกฝ่ายได้

          "ทะ...ท่านเป็นใคร ท่านรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าอย่างนั้นหรือ...ตะ...แต่ข้าก็รู้สึกคุ้นเคยกับท่าน เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่าค่ะ"

          อาร์ดิสพูดตามปกติเหมือนตอนเป็นหญิง

          หญิงผู้นั้นยิ้มให้อย่างอ่อนโยน พลันกล่าวกับอาร์ดิสว่า

          "เราคือ องค์ราชินีเซเลน่า ไลท์ แชนดร้า แห่งมหานครเฟียราเพลล่า" หญิงคนนั้นกล่าวตอบด้วยเสียงที่นุ่มนวล

          อาร์ดิสตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่จะโผเข้ากอดหญิงผู้นั้น "ทะ...ท่านแม่...."

          ระหว่างที่โผเข้ากอดนั้น น้ำตาของอาร์ดิสเป็นประกายลอยปลิดปลิวออกจากหางตา ผู้ที่เป็นแม่ก็ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา ในที่สุด
แม่ลูกก็ได้พบหน้ากัน หลังจากผ่านพ้นมานานปี


---------------------------จบตอนที่ 8 (ตอนกลาง)---------------------------

T^T ฮาโล่ ขอเสียงคนอ่านหน่อยจ้า

---------------------------จากใจผู้เขียน---------------------------






0 Fame /

บันทึกการเข้า



Albania
 0
 1
 0



Windows 7/Server 2008 R2 Firefox 27.0
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 04, 2557, 04:03:18 PM »

น่าสนใจมากครับ






0 Fame /

บันทึกการเข้า



Argentina
 0
 2
 0



Windows 7/Server 2008 R2 Firefox 41.0
« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 11, 2559, 03:57:41 PM »

ช่วงนี้น่ากลัวมากครับ ชอบมากเลยตื่นเต้นดี ถ้าดูคนเดียวนี่ลุ้นจริงๆ






0 Fame /

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.13 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!


Google visited last this page 6 ชั่วโมงที่แล้ว