:: Mayonnaise-Club V.2 :: แล้วเราจะก้าวไปด้วยกัน

.:: Relax Club ::. => Lunalight Of Fiarapella => ข้อความที่เริ่มโดย: •♫♪มู๋nsะต่าe♫♪• ที่ มีนาคม 28, 2554, 11:34:00 AM



หัวข้อ: ตอนที่ 10 เจ็ดวันก่อนกำหนดศึกรอบที่สอง (ตอนกลาง)
เริ่มหัวข้อโดย: •♫♪มู๋nsะต่าe♫♪• ที่ มีนาคม 28, 2554, 11:34:00 AM



ตอนที่ 10 เจ็ดวันก่อนกำหนดศึกรอบที่สอง (ตอนกลาง)


          เหลือเวลาอีก 6 วันเท่านั้น ศึกระหว่างหอรอบที่ 2 ใกล้เข้ามาทุกที ไม่ว่าเมจลำดับขั้นใดๆ ก็ต่างพากันฝึกฝนศาสตร์เวทย์
อย่างเอาเป็นเอาตาย และแน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง อาร์ดิส เฮเรียส และเซอเพนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยที่ขยันขันแข็งกับการฝึกปรือ โดยมี
ศาสตราวุธคู่กายอยู่ไม่ห่าง

          ในเมื่อคู่ต่อสู้ที่หอไดอาน่าจะต้องประลองฝีมือด้วยนั้น เป็นหนึ่งในหอ 2 หอ และยังไม่รู้เลยว่า จะต้องต่อกรกับหอใดใน 2 หอนั้น

          “หลีกทางหน่อย....หลีกไป....” เสียงตะโกนดังๆ ปนเสียงหอบ ขณะวิ่งไปตามเส้นทางภายในโรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์ยูนิคอรอส

          “ว๊าก....หลีกป๊าย....”

          ตามด้วยเสียงชนของตกระนาว เนื่องมาจากเจ้าของเสียงดูท่าจะวิ่งโฉบเฉี่ยวไปมาเสียจน คนที่เดินแบกของอยู่บริเวณนั้นเสียหลัก
ล้มลง พร้อมๆ กับข้าวของในมือกระจัดกระจายระเนระนาด

          คนผู้นี้ดูจะรีบร้อนเสียเหลือเกิน เหมือนจะได้รับรู้อะไรบางอย่าง เขาค่อนข้างจะหน้าตาตื่น แต่มิได้แสดงออกด้วยคำว่าหวาดกลัว
แต่เป็นคำว่าตื่นเต้นสุดขีด

          ตัวการดังกล่าวหันมามองเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งๆ ที่ขาของตนยังวิ่งอยู่กับที่

          “โทษทีนะ ข้ากำลังรีบ โทษด้วย โทษด้วย”

          พอพูดจบพี่แกก็วิ่งต่อไป พร้อมๆ กับแหกปากขอทางอย่างที่ทำมาตลอดทาง จุดมุ่งหมายนั่นก็คือ...

          “อาร์ดิส...เฮเรียส ประกาศผลแล้วโว้ย....วู้ว”

          “ข้าก็ว่าอยู่ว่า ใครมันมาโหวกเหวกโวยวายในหอ เป็นเจ้าเองเหรอ...เซอเพน” เสียงเอื่อยเฉื่อยจากบุรุษมาดนิ่ง เยี่ยงผู้ดีมีตระกูล
ซึ่งเขาคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก

          “เอาน่า...ก็ข้าตื่นเต้นนี่หว่า คนอุตส่าห์วิ่งแจ้นเอาข่าวมาบอก ทำท่าเหมือนอยากรู้หน่อยไม่ได้หรือไงท่านองค์ชายเฮเรียส
เจ้าก็ด้วยเหมือนกันอาร์ดิส”

          เซอเพนยืนหอบแฮ่กๆ แล้วจ้องมองแบบเคืองๆ กับกิริยาโต้ตอบของเพื่อนทั้ง 2 ที่ดูมันขัดหูขัดตา และขัดใจเป็นที่สุด มันเคย
ตื่นเต้นกับคนอื่นเขาบ้างไหมเนี่ย ไอ้พวกไร้ความรู้สึกเอ๊ย

          “เจ้าจะกระวนกระวายไปทำไมกัน ไม่ว่าเราจะต้องเจอหอไหนก็ตาม ท้ายที่สุดเราก็ต้องเผชิญหน้าในศึกระหว่างหอรอบที่ 2 อยู่ดี”

          เฮเรียสกล่าวในขณะที่นั่งพิงโซฟาตัวหนึ่งในหอไดอาน่า ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายอย่างสบายๆ ดวงตาของเขาปิดสนิทระหว่างที่
สนทนากับเซอเพนผู้ร้อนรนเหมือนไฟกำลังมารนที่แก้มก้น

          “ปัดโธ่เอ๊ย พวกเจ้ารู้แล้วหรือไงว่าเราต้องเจอกับหอไหน” เซอเพนพูดออกมาแบบฉุนๆ

          “รู้แล้ว” เป็นคำตอบจากปากของอาร์ดิส ที่ตอบอย่างเสียงเรียบ

          “เออ...ดี ถ้างั้น...อะไรนะ!....พวกเจ้ารู้แล้ว”  เซอเพนเหวอแตก มองสองเกลอตาปริบๆ

          อ๊าก!!! แล้วนี่ข้าวิ่งเต้นแร้งเต้นกาเป็นบ้าเป็นบออยู่คนเดียวเหรอไงเนี่ยหา...ดูดู๊ดู ดูมันทำ...ทำไมถึงทำกับฉันได้....

          “จะถามหละสิว่ารู้ได้ยังไง” อาร์ดิสชิงเอ่ยก่อนที่เพื่อนตัวแสบจะเกิดอาการงอน

          “งั้นสิ ข้าว่าข้าหูตาไวไปถึงนรกแล้วเชียว หมาตัวไหนมันคาบข่าวมาบอกพวกเจ้ากัน”

          “พวกคนของหอเฮอเมส” เฮเรียสตอบในท่าทีเช่นเคย

          “อ้อเหรอ....พวกหอเฮอเมสเองเหรอ....หา!!..” เซอเพนทำหน้าเหวออีกหน

          “จะถามหละสิว่า...ทำไม” อาร์ดิสรู้แกลวอีกแล้ว

          “ได้ทีแควะใหญ่นะเจ้า....เออ...ข้าจะถามอย่างเจ้าว่านั่นแหละ” เซอเพนยังฉุนไม่หาย

          “นั่นก็เพราะว่า...พวกหอเฮอเมสเจอกับหอโครนัสในศึกครั้งแรก” เฮเรียสกล่าว

          “ก็แล้วมันยังไงเล่า ไอ้เจอหนะข้ารู้ แต่ไอ้ที่เอามาบอกพวกเราหนะ มันทำไม..ยังไง..”

          เซอเพนรู้สึกไม่เข้าใจการกระทำของคนจากหอเฮอเมสเหล่านั้น ในเมื่อการเอามาบอกพวกเขาไม่ได้ทำให้หอเฮอเมส
ได้ผลตอบแทนอะไร

          “ถ้าเรื่องนั้นข้าพอจะทราบมาหลายเรื่องเลยหละค่ะ”

          หญิงสาวตัวเล็กๆ จู่ๆ ก็โผล่หัวมาจากหลังโซฟา ทำเอาเซอเพนสะดุ้งโหยงสุดตัว เธอโผล่มาตรงกลางซึ่งเป็นช่องว่างระหว่าง
หัวของอาร์ดิส และเฮเรียส ขนาดอาร์ดิส และเฮเรียสเองก็ยังสะดุ้งเล็กน้อยกับเขาด้วย แต่เก็บอาการซะเนียนเชียว   

          “จะ...เจ้า ข้าจะหัวใจวายตายก็เพราะเจ้านี่แหละ” เซอเพนพูดพราง ทุบที่หน้าอกของตนเอง ตรงด้านที่ตรงกับหัวใจเบาๆ
พร้อมๆ ไปกับพึมพำคนเดียว ‘ขวัญเอ๊ยขวัญมา’

          “ขออภัยด้วยค่ะ ซีรีสมิได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจกัน เพียงแต่เห็นคุยเรื่องนี้กัน ก็เลยนึกว่า น่าจะเอาเรื่องที่รู้มาบอกพวกเราหนะค่ะ”

          ซีรีสสาวน้อยตัวนิดรู้สึกว่าตนท่าจะโผล่พรวดมาเร็วเกินไปหน่อยนึง ว่าแต่ซีรีส เธอไปทำอะไรหลังโซฟาเนี่ย...หา...

          “เรื่องที่รู้...” เฮเรียสพูดในทำนองอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว....โอ้ว!...

          “ค่ะ คืออย่างนี้ค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า...” ซีรีสร่ายยาว ซึ่งเรื่องมันก็สรุปได้ออกมาดังนี้

          การแข่งขันศึกระหว่างหอเมื่อปีที่แล้ว อย่างที่ทราบกันโดยทั่วว่าหอโครนัส ได้ถูกสั่งห้ามมิให้ประธานหอลงแข่งด้วย อันกล่าวไป
เมื่อตอนที่แล้ว แต่สำหรับปีนี้ดันได้รับการอนุมัติให้ร่วมแข่งขันได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่มีใครทราบเลยนอกจากท่านแมจิกทั้งหลาย
ท่านมหาเวทย์เซอุส รวมไปถึงคนของหอโครนัส และเจ้าตัวเท่านั้น

          ส่วนเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในศึกระหว่างหอครั้งที่ 1 นี้หอเฮอเมสแพ้พ่ายอย่างสิ้นเชิง เรียกได้ว่าภารกิจแทบจะไม่บรรลุเลยสักอย่าง
ส่วนสภาพของเมจแต่ละลำดับขั้นก็ออกจะสะบักสะบอมมอมแมม ถลอกปอกเปิด พวกเจ็บหนักๆ ก็แขนหัก ขาหัก กระดูกร้าว บางราย
ถึงขั้นสลบหมดสติ จนป่านนี้ยังไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ

          อย่างกลุ่มที่พวกอาร์ดิสได้ช่วยรักษานั้นเป็นกลุ่มหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของหอเฮอเมส แม้ว่ายอดการป่วยจากหออื่นๆ
จะมีก็ตาม แต่ก็ไม่มากเท่าหอเฮอเมสที่ดูจะบาดเจ็บกันระงมจนหน่วยแพทย์ หน่วยพยาบาลทำงานกันแบบไม่ได้พักได้ผ่อน

          ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายหอโครนัสแทบจะไม่มีผู้บาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ นอกจากถลอกเล็กน้อย และไอ้เจ้าบ้าที่หลังเดาะ ก้นช้ำ เพราะ
การถูกกระแทก ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่โดนดึงขาก้นจ้ำเบ้านั่นหนะแหละ

          อะไรมันจะแตกต่างกันเช่นนี้ ฝีมือมันห่างชั้นกันขนาดนี้เชียวเหรอ ในเมื่อปีที่แล้วหอโครนัสดูไม่โดดเด่น หรือเก่งกาจเลยสักนิด
ปีที่แล้วกับปีนี้แตกต่างกันแค่ปีที่แล้วไม่มีประธานหอลง แต่ปีนี้มีก็เท่านั้นเอง มันจะเก่งพรวดพราดเกินไปหรือเปล่า

          “ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่ามา ผู้ที่พวกเราต้องระวังเป็นอย่างมากก็คงจะไม่พ้นเจ้าหัวโจก” เซอเพนกล่าว

          “ไม่ใช่” เฮเรียสกล่าวแย้งเสียงสั้น แต่เสียงเรียบเฉย

          ทำเอาเซอเพนรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ พลันคิดสรตะไปต่างๆ นาๆ ถ้าไม่ระวังเจ้าหมอนั่นก็แย่หนะสิ

          “ความหมายของเฮเรียสก็คือ ไม่ใช่ต้องระวัง แต่ต้องจัดการประธานหอโครนัสเป็นอันดับแรก”

          อาร์ดิสก็ดูจะคิดเห็นออกมาเช่นเดียวกับเฮเรียสจึงเข้าใจเป็นอย่างดี

          “และต้องจัดการให้ไวที่สุด ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม”

          เสียงดังมาจากผู้ที่เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย เมื่อทุกสายตาหันไปมองก็พบว่า ผู้ที่พูดต่อคำของอาร์ดิสก็คือ ฟรานซิส

            “มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายสินะ กลุ่มของเราเนี่ย” ดาเนอีเดินมาสมทบพร้อมๆ กับ
ฟรานซิส

          เออ...มารวมตัวกันได้หน้าตาเฉย แต่จะเรียกว่าเป็นการชุมนุมลับๆ ก็ไม่ได้ มันเหมือนการรวมตัวของหนุ่มหล่อ และสาวงาม
เสียมากกว่า แล้วอย่างนี้สายตาคู่ไหนเล่ามันจะไม่มาจ้องมองกลุ่มๆ นี้

          “ท่านประธานเมจขั้นรองหละ ไม่มีอะไรจะพูดกับเขาบ้างเหรอ”

          ดาเนอีเอาศอกกระทุ้งเบาๆ ไปที่ชายโครงของผู้ที่ตนกล่าวถึง

          ‘พูดเหรอ...พูดอะไร เล่นพูดกันไปหมดแล้ว ยังจะเหลือบทพูดอะไรให้ข้าพูดอีกหละหรือ เอาก็เอาหวะ ไม่พูดก็เสียหน้า
อายรุ่นน้อง อายผู้อ่านด้วย’

          สายตาของรุ่นน้องทั้งหลาย รวมทั้งเพื่อนร่วมรุ่นต่างพากันจับจ้องมาที่ตัวของอัลกอล ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นถึงประธานของเมจ
ขั้นรองแห่งหอไดอาน่า

          ต่างก็หวังจะได้ยินคำพูดคำจาจากปากของเจ้าตัว ว่าจะกล่าวอะไรที่น่าสนอกสนใจ อาทิเช่น คำพูดที่บอกถึงแผนการณ์
อันแยบยล หรือคำพูดคมคายบาดลึกถึงกึ๋น

          สายตาที่ทุกคนส่งมาให้อัลกอลนั้น ทำเอาเขาประหม่าที่จะเอ่ยคำพูดสักคำ สมองแทบจะตื้อมะรื่อ ริมฝีปากก็เหมือนจะ
หนักอึ้งขึ้นมาซะงั้น

          มันจะจ้องอะไรกันขนาดนั้น ทีตอนอยากมีบทเด่นๆ ดันไม่มี ทีตอนเนี่ยดันจะส่งบทให้เราเด่น ไอ้คนเขียนนี่มันกวนจริงๆ

          “สิ่งที่เฮเรียส อาร์ดิส และฟรานซิสพูด เป็นสิ่งที่ตรงกับความคิดของข้าเช่นกัน พวกเราจะต้องทำให้พวกหอโครนัสสูญเสีย
ผู้นำอย่างประธานหอ ข้าขอลงมติว่าให้นำข่าวเหล่านี้บอกแก่ทุกกลุ่มของหอไดอาน่า หากกลุ่มใดต้องเผชิญหน้ากับประธานหอ
เนื่องจากไม่รู้ว่ากลุ่มไหนจะต้องเจอะเจอ แต่ไม่ว่าจะกลุ่มเรา หรือกลุ่มใครก็ตาม ขอให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด”

          ไหนบอกว่าไม่มีอะไรจะพูดไง ไหงร่ายซะยาวเหยียดแบบนี้ท่านประธานเมจขั้นรอง
         
          ทุกคนในกลุ่มต่างตั้งอกตั้งใจฟัง และยังคงเงียบต่อ เพื่อรอฟังคำพูดของอัลกอลต่อไป

          “ด้วยเหตุนี้เอง แผนการณ์ในครั้งนี้ ห้ามแพร่งพรายให้บุคคลภายนอกหอไดอาน่า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนต่างหอที่สนิทแค่ไหนก็ตาม”

          อืม...ท่านประธานเมจขั้นรองพูดได้ดีมาก ทุกคนต่างก็คล้อยตาม และเห็นด้วยกับทุกคำพูดที่อัลกอลกล่าว

          “แผนการณ์ในครั้งนี้จึงมีชื่อเรียกตามสำนวนที่ว่า....น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดลั่ลล้า”

          เอ่อ...มันหมายความว่าไงหละเนี่ย เหวอไปตามๆ กันคราวนี้

          “ตามนั้นแหละ”

          อัลกอลเดินผละไปจากกลุ่ม หลังจากสังเกตสีหน้าแต่ละคน แถมยังดูท่าจะแข็งเป็นหินกันไปหมดแล้ว

          ‘เราพูดอะไรผิดหรือเปล่าเนี่ย ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดนี่นา’


---------------------------จบตอนที่ 10 ตอนกลาง---------------------------

นี่แหละน้า...บางทีคนหล่อ ก็ติงต๊องเข้าขั้นเมพได้เหมือนกัน

---------------------------จากใจผู้เขียน---------------------------